วันพุธ, มิถุนายน 05, 2562

ฝันสี่อย่างของแม่ในวัยเด็ก

ตั้งแต่เด็กเมื่อถึงวันสำคัญ  หรือเมื่อสอบแล้วทำคะแนนได้ดี  ของรางวัลที่ลูกๆจะได้รับคือหนังสือ  แม่มักซื้อหนังสือวรรณกรรมต่างประเทศอย่างนิทานกริมส์ นิทานของคริสเตียนแอนเดอร์สัน ชาร์ล ดิกเคนส์ให้  ซึ่งผมสามารถแลกกันอ่านกับพี่ได้    ผมเพิ่งทราบไม่กี่ปีมานี้ว่าแม่มีของสี่อย่างที่โปรดปรานและปรารถนาจะมี เป็นความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก 


ยุคทองแห่งวรรณกรรมเกิดในราชวงศ์ถัง ถือว่าเป็นสุดยอดเหนือกว่ายุคใดๆ มีเป็นหมื่นบท  แต่จัดว่าเยี่ยมยอดนั้นมีประมาณ 300 บท  ภาพจาก intershanghai

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอย่างแรกคือหนังสือ  แม่เป็นคนอ่านหนังสือเกือบทุกประเภท อ่านได้ทั้งภาษาไทยและจีน ภาษาอังกฤษที่ไม่ซับซ้อนจนเกินไป  แม่เรียนหนังสือในระบบจีนยุคเก่า สามารถท่องโคลงจีนต่างๆ และชอบโคลงสามร้อยบทของราชวงศ์ถังมาก แม่บอกว่าท่องได้สองร้อยกว่าบท  เมื่อลูกยังเด็ก โดยเฉพาะผมที่ขี้เกียจ แม่ต้องอ่านหนังสือเป็นเพื่อนลูก บังคับให้ท่องศัพท์ สอนเลข สอนภาษา จับมือเขียนจนผมเข้ามัธยมจึงได้ยอมวางมือ แม่อ่านหนังสือเป็นชุดๆ อ่านนิยายแนวสืบสวนของอาการ์ธา คริสตี้กว่าสามสิบเล่มจนหมดตู้  นิยายของโกวเล้ง ชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ แฮรี่พอตเตอร์ทุกตอน ชุดรหัสลับดาวินชีของแดน บราวน์ เป็นต้น เมื่อแม่อายุมากขึ้น สายตาไม่เอื้ออำนวยให้อ่านได้อีกต่อไป แม่หันมาท่องโคลงราชวงศ์ถังใหม่  แม้จะเหลือจำได้เพียงไม่กี่บท แต่แม่ก็มีวิธีอ่านเป็นทำนองเสนาะ  ผมมักถามแม่ว่ามันแปลหรือมีความหมายอะไร  ฉันยืนอยู่เดียวดายท่ามกลางแสงโพล้เพล้  แว่วเสียงผีผา (กระจับปี่) มาแต่ไกลแต่รู้สึกเหมือนดังก้องอยู่รอบตัว” แม่แปลให้ฟังช้าๆ พูดอย่างไตร่ตรองทีละคำ ใช้ความคิดเรียบเรียงคำเหล่านั้นมาเป็นประโยคในการแปลครั้งเดียว จนผมทึ่งในสำนวนของคนเรียนในระบบโรงเรียนจีนที่แทบไม่ได้เรียนหลักและการใช้ภาษาไทยเลย แต่ได้ประสบการณ์จากการอ่านมาทั้งชีวิต  แม่อธิบายเพิ่มว่าในยามแสงโพล้เพล้ตามความหมายของโคลง คือความรางเลือนเหมือนเงาแห่งความตาย อาจหมายถึงความมืดมิดของหลุมศพก็ได้  ผมได้ยินแม่ท่องโคลงแก้เหงาบ่อยๆ แม่อ่านหนังสือจนวาระสุดท้ายของชีวิต แต่เป็นการอ่านออกมาจากความทรงจำ
เข็มกลัดติดเสื้อ   แม่เป็นผู้หญิงแท้  รักสิ่งสวยงามและแต่งกายเรียบร้อย   ในวัยสาวแม่ชมชอบแต่งกายด้วยชุดสีขาว จนเมื่อมีครอบครัวจึงเริ่มสวมเสื้อผ้าที่มีสีสัน   เมื่อออกนอกบ้าน แม่จะแต่งตัวเรียบร้อยสวยงามด้วยเสื้อผ้าที่ออกแบบและตัดเย็บเองอย่างประณีต (ซึ่งรวมไปถึงเสื้อผ้าของลูกๆ ด้วย)  แม่ชอบเข็มกลัดติดเสื้อและมีเข็มกลัดหลายแบบ เข็มกลัดที่เป็นแก้วชวารอฟสกี  เข็มกลัดกระเบื้องพอร์ซเลน และมีที่เป็นอัญมณีเพียงไม่กี่ชิ้น หินมีค่า เพชรเทียม แม่ชอบของที่มีประกายระยิบระยับ ตามตลาดนัดก็ได้ แต่ขอให้สวยงาม มีรูปทรงแปลกตา  เข็มกลัดแบบต่างๆรวมทั้งพวงกุญแจจึงเป็นของฝากง่ายๆ  ซึ่งแม่มักใช้เข็มกลัดคู่กับผ้าพันคอบ้าง ติดกระเป๋าหิ้วบ้าง  เมื่อแม่นอนติดเตียง ผมซื้อแหวนที่ทำเทียมไว้ให้แม่หลายวงไว้นอนสวมดูเล่น มีทุกสี รวมกับของเล่นอื่นๆในตะกร้าข้างเตียง  แม่พูดติดตลกว่าถ้าของเหล่านี้เป็นของจริงขึ้นมาคงมีมูลค่าหลายล้านบาท 



แหวนของเล่นที่เหลืออยู่  ยังมีพลอยแดงและบุษราคัม อีกสองเรือนโปรด

กลิ่นหอมยังติดตรึงอยู่ตามเสื้อผ้าแม้จะผ่านไปเป็นเดือน
น้ำหอม เป็นสิ่งที่แม่ชอบมาตั้งแต่เด็ก  สมัยก่อนเขานำเข้าแต่โคโลญจ์ 4711 ซึ่งถือเป็นของฟุ่มเฟือย   แม่มีอยู่ขวดหนึ่ง แต่ทำแค่หยดลงบนผ้าเช็ดหน้า นานๆครั้งถึงใช้ด้วยความเสียดายและในที่สุดกลิ่นมันก็เปลี่ยนไปจนหมดโดยที่น้ำหอมเหลือเกินกว่าครึ่งขวด  เมื่อผมเริ่มทำงาน ผมซื้อน้ำหอมขวดแรก Ralph Lauren Blue ให้ แม่ดีใจมาก  ไม่ค่อยยอมเอาออกมาใช้จนผมต้องออกปากว่ากลิ่นมันจะเปลี่ยนไปเสียก่อน  น้ำหอมที่แม่ชอบยังมีกลิ่นของ Bvlgari มีครบทั้ง white, violet และ red   กลิ่น midnight rose ของ Tre’sor และที่ชอบที่สุดคือ flower by Kenzo ใช้ไปหลายขวด  เพื่อนสนิทผมยังฝากเคนโซมาให้แม่ใช้เพิ่มอย่างจุใจ  จากที่ฉีดเฉพาะออกนอกบ้าน ลูกๆฉีดให้ทุกคืน และทุกครั้งที่ฉีดให้จะได้ยินแม่บอก “หอมจัง ขอบใจนะ”  นอกจากน้ำหอมแล้วยังมีเครื่องหอมอื่นที่เราเห็นแม่ใช้มาตั้งแต่เล็ก น้ำมันเขียวตรานกอินทรี แม่บอกว่ามันไม่หอมเอียนหรือฉุนแหลมเหมือนยี่ห้ออื่นเหมาะกับการแก้วิงเวียน เช่นเดียวกับการอมยินตันเม็ดขาวให้ชุ่มคอและปากหอม  ในสิบกว่าปีที่ผ่านมาแม่เลือกวาเป๊กสำหรับดมเวลาเป็นหวัด น้ำมูกไหล  ลักษณะการเลือกแบบนี้ถ่ายทอดมาถึงเราที่เป็นรุ่นลูกไปโดยปริยาย



บนเพดานห้องนอนแม่
แชนเดอเลียร์  แม่เล่าให้ฟังว่าราว 70-80 ปีที่แล้วสมัยที่เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆจะชอบไปยืนดูโคมไฟระย้าจากหน้าร้านบนถนนสุขุมวิท  เขานำเข้าจากต่างประเทศมาขายพวกฝรั่งและเศรษฐีย่านนั้น  ดูแล้วก็อยากได้  กระทั่งผมย้ายเข้าบ้านใหม่ปี 1999 ผมพาแม่ไปเดินงานแสดงสินค้าตกแต่งบ้าน  ครั้งนั้นเป็นงานแสดงสินค้าที่จัดที่พระรามสี่  เขานำแชนเดอเลียร์จากอียิปต์มาจำหน่ายด้วย  ผมเห็นแม่ตาเป็นประกายจ้องดูอยู่นาน จึงแกล้งเถลไถลถามว่าชอบทรงแบบไหน อย่างไร  ผมย้อนกลับไปสั่งในวันรุ่งขึ้นและนัดวันติดตั้งห่างออกไปสองสัปดาห์เพราะต้องหาช่างมาฝังพุกบนฝ้า  ผมให้เขาฝังพุกเฉพาะชั้นล่างสามตำแหน่ง นั่นคือพร้อมจะติดได้สามช่อ  วันที่เขามาติดตั้งผมไปทำงานแต่บอกแม่ว่าจะมีคนเอาโคมไฟมาส่งและติดตั้ง  แม่เล่าว่าเห็นเขาขนของมามากมาย  เขาเอาส่วนก้านติดขึ้นไปก่อน ก็ยังดูไม่ออกว่าจะเป็นโคมอะไร  จนกระทั่งเอาปลอกเทียนวาง เอาสายเม็ดคริสตัลมาร้อย และแขวนจนครบถึงได้ทราบว่าเป็นแชนเดอเลียร์ แม่ดีใจมากบอกว่าไม่คิดว่าฝันจะเป็นจริง  พอฤดูหนาวมาถึง แสงแดดที่สะท้อนจากกระจกรถฉาบปรอทหักเหผ่านเม็ดคริสตัลที่แขวนไว้พอดี เกิดเป็นรุ้งหลายร้อยอันตกกระจายอยู่เต็มเพดานและฝาผนัง ให้แม่นั่งเฝ้าดูการเคลื่อนตัวของรุ้งเหล่านั้นช้าๆ ตามการเคลื่อนของดวงตะวันจนหายไปหมดนานราวครึ่งชั่วโมง
ในช่วงปลายของชีวิตแม่ผมนอนติดเตียง แทบไม่ค่อยได้ออกไปไหน สิ่งที่ผมพอจะชดเชยให้ได้คือเปลี่ยนลายม่าน เปลี่ยนลายผ้าปูเตียง เปลี่ยนแก้วกาแฟ  ซื้อกันแทบทุกเดือนเมื่อเห็นว่าชิ้นไหนสวย  ผมนึกถึงแชนเดอเลียร์ที่ผมเห็นเมื่อสามปีก่อน เป็นของเก่านำเข้าจากอิตาลี  ผมนึกอย่างไรก็ไม่รู้ กลับไปที่ร้านเดิมและเห็นว่ามันยังแขวนอยู่  เจ้าของร้านบอกผมว่าโคมทุกอันเธอขายได้หมดยกเว้นอันนี้ที่ขายไม่ออก  ผมคิดว่ามันอยู่รอเจ้าของที่แท้จริงของมันอยู่  ผมเลยกัดฟันซื้อมาเพื่อติดตั้งในห้องนอนแม่    แม่นอนดูไม่วางตาเมื่อเขามาติดตั้งให้ เหมือนเดิมคือผมไม่บอกว่าจะติดตั้งอะไร  แม่จึงเห็นตั้งแต่เขามาเปิดฝ้าฝังพุก  จนดูผมเช็ดคริสตัลทีละเม็ด  ผมเห็นแม่เฝ้าดูโคมอันใหม่ไม่วางตาเป็นเดือนจนเกรงว่าตาจะเสียเพราะแสงจากแก้วที่ล้อไฟ
กลางเดือนพฤษภาคม ปีนี้ ผมตัดสินใจชื้อแชนเดอเลียร์ของเก่านำเข้าอีกช่อหนึ่ง “เพื่อเอาใจแม่”  เลือกทรงและเม็ดคริสตัลที่ต่างจากที่มี  แม่ผมป่วยเป็นไข้จนไม่มีหัวจิตหัวใจอยากจะดูจนถึงวันที่หมอนัดไปผ่าตัดล้างช่องไซนัส  วันที่กลับมาถึงบ้านเราเปิดไฟให้แม่ดูโคมแชนเดอเลียร์ชุดใหม่  แม่พินิจอยู่นานมากทีละมุม  ให้เข็นรถถอยเข้าออกเพื่อดูทั้งไกลและใกล้  แม่นั่งดูจากมุมสูงบนลิฟต์บันได เอี้ยวตัวดูจนเหลียวเมื่อมุมบันไดบังโคมไปจากสายตา และแม่ก็ทบทวนอีกว่าแชนเดอเลียร์คือหนึ่งในสี่สิ่งที่ฝันอยากได้  “เรามีสามอันแล้ว”  นั่นเป็นการชื่นชมสิ่งที่รักเป็นครั้งสุดท้าย เพราะแม่ล่วงหลับไปในเที่ยงของวันรุ่งขึ้น

ชุดแรกและชุดสุดท้ายที่แม่เฝ้ามอง

 นอกจากของสี่สิ่งนี้แล้ว สิ่งที่ผมเห็นแม่ใช้ประจำคือ ผ้าพันคอ แว่นกันแดด  เป็นอีกสองสิ่งที่ลูกจัดหาให้เป็นประจำ  แว่นกันแดดอันเดิมๆก่อนหน้านั้นใช้จนเก่า  แว่นกันแดดอันแรกที่ผมซื้อให้คือ Ralph Lauren น่าจะเป็นอันที่ทั้งผมและแม่ชอบที่สุด และหลังจากนั้นอันอื่นๆก็ตามมาไม่ขาดสาย  เกือบทุกครั้งที่ออกไปเที่ยวทางไกล เราจะซื้อเสื้อ ผ้าพันคอและแว่นกันแดดชิ้นใหม่ให้เข้าชุดกัน    รูปถ่ายเป็นอีกสิ่งที่แม่ผมชอบดูเมื่อยามที่สายตายังดีอยู่  จากสมุดอัลบัมเราเริ่มดูภาพจากจอใหญ่แทน และพูดคุยเรื่องราวในภาพเหล่านั้นอย่างสนุกสนาน  เรายังเปิดดูรูปที่ไปเที่ยวดอยอ่างขางผ่านไอแผดเพื่อฆ่าเวลาในช่วงที่แม่นอนรอผ่าตัด เป็นเหตุการณ์ก่อนจะล่วงหลับไปไม่กี่วัน 
ผมขอบคุณพระเจ้าแทนแม่อีกครั้งหนึ่ง  แม่พูดเสมอว่าของสี่อย่างที่แม่อยากได้ตั้งแต่เป็นเด็ก แม่ได้มันครบและได้มามากกว่าที่หวัง  ในชีวิตคนเรา มีหลายครั้งเราจำเป็นต้องยอมเสียอะไรบางอย่างเพื่อแลกกับความสุขของคนที่เรารัก  เป็นการเสียตามกำลังอัฐภาพที่มี  แต่การเสียนั้นได้กลับมาด้วยความสุขเมื่อเห็นรอยยิ้ม ตาที่เป็นประกาย เสียงหัวเราะ สิ่งที่พูดคุยกันในบ้าน  คุณภาพของเวลาที่เรามีให้กันและกันต่างหากที่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด  สิ่งของเป็นเพียงตัวเชื่อมให้เรามีเรื่องราวพูดคุยกันมากขึ้น


แว่นกันแดดและผ้าพันคอผืนโปรด  ถ่ายที่หาดเขาหลัก จังหวัดพังงา



แจ็คเกตและเข็มกลัดชุดนี้ตกเป็นสมบัติของลูก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น