วันอาทิตย์, มกราคม 10, 2564

วัคซีนโควิดจะมาแล้ว

 เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อนส่งคลิปอันหนึ่งมาให้ เป็นคลิปที่แพทย์ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ และบุคลากรสายแพทย์แสดงความเห็นว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้วัคซีนโควิดในคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มวัคซีนเทคโนโลยีสมัยใหม่  สิ่งที่เขากังวลกันก็คือ รวบรัดจนมีเวลาศึกษาเรื่องความปลอดภัยน้อยมาก มีโอกาสแพ้จนถึงแก่ชีวิต เป็นวัคซีน GMO โดยมีการดัดแปลงพันธุกรรมในการทำผลิตเชื้อวัคซีน มีโอกาสเป็นหมันในสตรี  ผมก็เดาไม่ถูกว่าในคลิปเป็นแพทย์จริงหรือแค่คลิปที่จงทำขึ้นด้วยจุดประสงค์อื่น  ถ้าอย่างนั้นมาลองดูว่าประเด็นต่างๆที่เขายกกันขึ้นมามีที่มาอย่างไร

ภาพจากเวปหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ตีพิมพ์เมื่อ 17 สิงหาคม 2563  


วัคซีนคืออะไร

วัคซีนคือเชื้อโรคหรือส่วนประกอบของเชื้อโรคที่มักเป็นโปรตีน  ใช้ฉีดเข้าไปในร่างกายคนหรือสัตว์  เขามักฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อบริเวณที่ไม่ห่างจากศูนย์รวมต่อมน้ำเหลืองนัก เช่นฉีดที่ต้นแขนเพราะอยู่ใกล้ต่อมน้ำเหลืองรักแร้  ฉีดแถวหน้าท้องเพราะมีเนื้อเยื่อไขมันและใกล้ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ เป็นต้น   สิ่งแปลกปลอมนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะส่งโปรตีนภูมิคุ้มกันที่เรารู้จักกันว่าอิมมูโนโกลบูลินมาทำลาย ในขณะเดียวกันก็เกิดการกระตุ้นเซลเม็ดเลือดขาวให้มาจับกิน กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆเข้ามาเสริมทำงานกันอย่างเป็นระบบ  แต่ถ้าเชื้อโรคชนิดนั้นไม่เคยรุกรานเรามาก่อน ระบบภูมิคุ้มกันจะทำความรู้จัก มีการกระตุ้นเซลที่ม้ามเพื่อให้จดจำส่วนของเชื้อโรคและสร้างเป็นภูมิออกมา  มีการกระตุ้นการสร้างเซลเม็ดเลือดขาวให้จับเชื้อโรคกินและสร้างโปรตีนชนิดต่างๆออกมาส่งสัญญาณไปทั้งระบบภูมิคุ้มกันให้ตื่นตัวทำงานทั้งร่างกาย  เมื่อนั้นร่างกายเราจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคชนิดนั้นๆ หากมีเชื้อชนิดนั้นมารุกรานในภายหลัง ทหารยามที่เตรียมไว้ล่วงหน้าจะถูกปลุกขึ้นมาเข้าเวรทำงานได้ทันที เราจึงไม่แสดงอาการป่วย  การฉีดวัคซีนคือการเอาเชื้อเข้าไปในร่างกายเพื่อให้ร่างกายจดจำและสร้างภูมิขึ้นมา เหมือนทหารเข้าประจำการพร้อมตั้งรับข้าศึกที่จะบุกเข้ามาวันใดวันหนึ่ง

เขาเอาอะไรมาทำวัคซีน 

วัคซีนในศตวรรษที่ 21 ต่างจากวัคซีนสมัยก่อนอย่างมากมาย  ก่อนนี้เขาเลี้ยงเชื้อโรคแล้วทำให้มันสิ้นฤทธิ์ มีทั้งเอาแค่หมดฤทธิ์ และมีทั้งที่ทำมันให้ตายไปเลย  บางทีก็คัดสายพันธุ์ของเชื้อโรคที่กลายพันธุ์จากเชื้อก่อโรครุนแรงกลายเป็นเชื้อที่หมดแรง  สิ้นฤทธิ์ยังหมายถึงทำให้มันเจริญพันธ์เพิ่มจำนวนไม่ได้ ไม่สร้างสารพิษ   บางครั้งเขาใช้คลื่นเสียงลงไปทำให้เชื้อที่มีรูปร่างครบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และใส่เคมีบางอย่างผสมลงไปเพื่อช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิได้ดียิ่งขึ้น  วัคซีนที่เรารู้จักกันดีได้แก่ วัคซีนโรคไข้ทรพิษ วัคซีนบีซีจีสำหรับวัณโรค วัคซีนบาดทะยัก ไอกรน คอตีบ หัดเยอรมัน เป็นต้น    ตั้งแต่โลกเข้าสู่ยุคอณูชีววิทยา ความรู้ในเรื่องการตัดต่อยีนเรามีมาก เราเริ่มต้นจากการปรับปรุงพันธ์พืชก่อน และในที่สุดก็เข้ามาสู่วงการแพทย์และสาธารณสุข  เราใช้การตัดต่อยีนของไวรัสเข้ากับไวรัสอีกตัวหนึ่ง  เรายังคงต้องพึ่งไวรัสเพราะไวรัสมีคุณสมบัติการจับกับผิวเซลและส่งตัวมันเองซึ่งก็คือสารพันธุกรรมเข้าไปในเซลคนหรือเซลสัตว์  วัคซีนยุคใหม่จึงเป็นพันธุวิศวกรรมยีนของไวรัสที่ต้องการทำวัคซีนแปะติดไว้กับสารพันธุกรรมส่วนที่เพิ่มตัวเองได้ของไวรัสอื่น  วัคซีนโควิดเขาเลือกใช้ไวรัสชื่อสกุลอะดีโน แยกได้จากลิงชิมแปนซีในอัฟริกา Chimpanze adenovirus vector (ChAd) ภายหลังตัดต่อจนเห็นว่ามันทำงานจำลองตัวเองบังคับให้ร่างกายสร้างภูมิจากยีนไวรัสอีโบลา เลยนำมาดัดแปลงใส่ยีนของ ซาร์โควี-2 เข้าไปแทน ไวรัสตัวปลอมที่ฉีดเข้าไปจะหลอกเซล/ร่างกายให้สร้างโปรตีนตามชนิดยีนที่มันแปะติดอยู่เป็นขั้นแรก แล้วภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงถูกกระตุ้นตามมาในภายหลัง กระตุ้นด้วยโปรตีนที่ไวรัสสร้างขึ้นมาในร่างกายของเรา

โดยปกติแล้วการพัฒนาวัคซีนหนึ่งๆใช้เวลานานกว่า 20 ปี ขั้นที่นานที่สุดคือค้นหาวิธีทางพันธุวิศวกรรม เลือกว่าจะใช้ยีนไหนซึ่งหมายความว่าโปรตีนไหนของไวรัส เพราะยีนคือรหัสคำสั่งของการสร้างโปรตีนที่จำเพาะ  เมื่อทดสอบเบื้องต้นในหลอดทดลองเสร็จก็จะศึกษาในหนูทดลองซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แล้วค่อยมาศึกษาในลิงซึ่งเป็นไพรเมทเช่นเดียวกับคน  หากผ่านลิงมาได้ จะเข้ามาสู่การทดลองในคนซึ่งแบ่งไว้เป็น 3 เฟส  แต่ละเฟสจะคัดเลือกกลุ่มอาสาสมัครเข้ามาจากกลุ่มเล็กขยายไปจนเป็นกลุ่มใหญ่ในเฟสท้าย ซึ่งแน่นอนว่าควรต้องครอบคลุมทั้งคนหลายเชื้อชาติ หลายวัย เพศ ไลฟ์สไตล์  ทั้งสามเฟสนี้ในสถานการณ์ปกติใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 ปี ดูผลทั้งระยะสั้นและผลระยะยาว  เพื่อพิสูจน์ว่า วัคซีนนี้มีฤทธิ์ในการเป็นภูมิคุ้มกันปกป้องจริงหากมีการติดเชื้อ มีผลข้างเคียงต่ำ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวตอบสนองอย่างไร คนตั้งครรภ์ยังคลอดบุตรได้ตามปกติหรือไม่ ให้นมบุตรได้หรือไม่ อุบัติการณ์ของมะเร็ง การเป็นหมัน ตลอดจนโรคต่างๆที่ตามมาในภายหลัง ซึ่งไม่ได้ดูกันในเวลาแค่หนึ่งปี แต่ยาวนาน  มีวัคซีนและยาหลายชนิดที่ต้องประกาศยุติลงหลังจากรับรองแล้วเพราะใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะแสดงผลร้ายแรง  สำหรับวัคซีนโควิดนี้เรารวบรัดทั้ง 3 เฟสเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งปี  ณ ต้นเดือนมกราคมปี 2563 เรามีวัคซีนที่รู้จักและประกาศกันออกมาจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป 4 ชนิด ได้แก่ AstraZeneca, Moderna, Pfizer และ Sputnik V ซึ่งทุกวัคซีนใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ การขนส่งต้องแช่แข็งเพราะเป็นวัคซีนที่เป็นสารพันธุกรรมที่เสื่อมสลายง่ายหากไม่ทำแห้ง  สำหรับจีนผลิต Sinovac เป็นวัคซีนแบบเดิม คือเลี้ยงเชื้อแล้วทำให้มันหมดฤทธิ์ก่อนเอามาทำแห้งบรรจุขวด

ถ้าเช่นนั้นวัคซีนตัวไหนดีกว่ากัน  โดยทฤษฎีแล้ว ร่างกายคนเรามักสร้างภูมิคุ้มกันต่อเปลือกนอกของไวรัสได้ดีที่สุด เร็วที่สุด และมักมีคุณสมบัติทำลายล้างไวรัสได้ดี (แต่ไม่ได้เสมอไปทุกกรณี)  การตัดต่อยีนที่ถอดรหัสโครงสร้างโปรตีนส่วนนอกมาทำวัคซีนจึงทำได้อย่างรวดเร็วในห้องปฏิบัติการ  สามารถทำวัคซีนได้จำนวนมากในเวลาอันสั้นด้วยเทคโนโลยีชีวภาพที่มีอยู่ในปัจจุบัน  จึงดูเหมือนว่าวัคซีนสมัยใหม่แบบนี้จะมีภาษี เป็นวัคซีนเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม  ชนิดแรกของโลกที่นำมาใช้กับมนุษย์ใช้ แต่...หากสามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต่อโครงสร้างอื่นของไวรัสด้วยก็จะได้ภูมิคุ้มกันเต็มระบบต่อไวรัสนั้นๆ  เรามักพบว่าโครงสร้างโปรตีน E ของโคโรนาไวรัสมีผลยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัสในเซล เป็นต้น หากมองแบบนี้วัคซีนของจีนซึ่งเป็นโปรตีนจากไวรัสทั้งตัวจะมีความไวดีกว่า ไม่จำเพาะเหมือนวัคซีนยีนที่ใช้พันธุวิศวกรรม

สิ่งที่น่าคิดอีกประการหนึ่ง มนุษย์เราปฏิเสธและกลัวอาหาร GMO เราไม่ต้องการเมล็ดพันธุ์พืชที่ตัดต่อพันธุกรรมมา เพราะเราไม่อยากได้พันธุกรรมแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย  เมื่อสิ่งมีชีวิตในโลกนี้มีวิวัฒนาการ พันธุกรรมส่วนหนึ่งของแบคทีเรียเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเซลที่เราเรียกไมโตคอนเดรีย แถมยังทำหน้าที่ควบคุมพลังงานแบบเบ็ดเสร็จ  แบคทีเรียบางชนิดเข้าไปเป็นส่วนของคลอโรพลาสต์ที่อยู่ในพืช  สำหรับไวรัสกลุ่มอะดิโนนี้ไม่มีรายงานการแฝงตัวเข้าไปในพันธุกรรมของมนุษย์ แต่สิ่งหนึ่งที่เก็บไว้เป็นข้อคิดคือ หากมีไวรัสสองชนิดโจมตีร่างกายพร้อมกัน ในบางขณะอาจมีการแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมระหว่างกันได้ หากมีไข้จึงไม่ควรฉีดวัคซีน   มีไวรัสชนิดหนึ่งที่มีนามสกุลว่า retro ที่เรากลัวนักกลัวหนา เพราะไวรัสกลุ่มโรคเอดส์หรือภูมิคุ้มกันบกพร่องเป็นสมาชิกของไวรัสกลุ่มนี้  ร่างกายคนเราและสัตว์ชั้นสูงมีบางส่วนของยีนเรโทรนี้แฝงเข้ามาในสายวิวัฒนาการมาหลายสิบล้านปีแล้ว มันอยู่ร่วมและกลายเป็นส่วนหนึ่งของพันธุกรรมมนุษย์ สร้างโปรตีนที่เป็นโครงสร้างอวัยวะหลายตำแหน่ง และวันดีคืนดี ไวรัสกลุ่มเรโทรที่ติดเชื้อเข้ามาใหม่กระตุ้นจนเราเกิดมะเร็ง เพราะอะไรหรือ ลักษณะการเพิ่มจำนวนของไวรัสเรโทรอาศัยการแฝงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโครโมโซมมนุษย์ และมันก็เพิ่มจำนวนไปพร้อมๆกับเวลาที่เซลแบ่งตัว หากเกิดการแฝงตัวแทรกเข้าไปในยีนบริเวณที่ควบคุมการเจริญเติบโต ทำให้เกิดการแบ่งตัวไม่หยุด หรือทำให้กลไกการยับยั้งการแบ่งตัวสูญเสียไป  ย่อมนำมาสู่การเกิดเนื้องอกในที่สุด  ลักษณะการที่ไวรัสแฝงเข้าไปในพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตนี้ทำให้การรักษาเอดส์ และโรคติดเชื้อในกลุ่มไวรัสเรโทรเป็นไปได้ยาก เพราะยาฆ่าได้แต่ไวรัสที่ทำงานมีกิจกรรม แต่ไม่สามารถฆ่าไวรัสที่แฝงตัวนิ่งๆ 

ทำไมเขาถึงกลัวกันว่าจะเป็นหมัน

ผมได้เล่าเรื่องไวรัสเรโทรว่าแฝงเข้ามาอยู่ในโครโมโซมคู่ที่ 7 ของมนุษย์ตั้งแต่ยุคบรรพชีวินหลายสิบล้านปีมาแล้ว และมันพายีนหนึ่งมาด้วย  ยีนนี้ถอดรหัสออกมาเป็นโปรตีนโครงสร้างตัวหนึ่ง มันหลอมรวมกับโปรตีนและเนื้อเยื่ออื่นสร้าง เป็นโครงสร้างที่เรียกว่าชื่อซินซิเชียล syncytial knot เป็นส่วนของโครงสร้างรก รกเป็นชิ้นส่วนที่ส่งผ่านอาหารและอากาศจากแม่ไปสู่ลูกและรับของเสียออกมา สาเหตุหนึ่งของการแท้ง  หรือตัวอ่อนจากการผสมเทียมไม่ฝังตัวเพราะมีการพัฒนาการที่ไม่สมบูรณ์ของรก  สิ่งที่เขากังวลกันแม้จะยังไม่มีหลักฐานมากเพียงพอคือ  โปรตีน S ของโคโรนาไวรัสที่เราเอามาทำเป็นวัคซีนนั้น กว่าร้อยละ 76 หน้าตามันเหมือนกับซินซิเชียลโปรตีน  ถ้าร่างกายเราสร้างภูมิคุ้มกันต่อโปรตีน S แล้ว  มันจำแนกออกไหม มันจะทำลายรกที่มีหน้าตาคล้ายๆกันจนไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ไหม  ปกติร่างกายคนเรามีกลไกป้องกันไม่ให้ภูมิคุ้มกันที่เราสร้างขึ้นมาโจมตีตัวเราเอง เว้นไว้แต่คนที่เป็นโรคออโตอิมมูน ถ้าอาศัยหลักการคิดแบบนี้โอกาสที่ภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนจะทำลายเนื้อเยื่อเราเองจึงมีความเป็นไปได้น้อยมากๆ

แล้วเราจะแพ้หรือมีอาการข้างเคียงอะไรไหม

การแพ้วัคซีนเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะกับวัคซีนโลกโบราณ เราแพ้เพราะมันเป็นเชื้อโรค เราถูกมันบุกรุกย่อมต้องมีการปวดหัว ครั่นเนื้อครั่นตัว คลื่นไส้ อาเจียน มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ภูมิตอบสนองของแต่ละคน  บางทีเราก็แพ้เพราะสารอื่นที่เขาเติมเพิ่มลงไปเพื่อรักษาสภาพเชื้อให้มีอายุการเก็บยานานๆ  อาการที่ร่างกายตอบสนองเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมใหม่คือเมื่อมีการกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิดอิมมูโนโกลบูลิน จี (immunoglobulin G, IgG)ให้หลั่งออกมา มันจะกระตุ้นเซลเม็ดเลือดขาวที่ชื่อ T4 ให้จับเชื้อโรคกินด้วย  เมื่อเม็ดเลือดขาวจับเชื้อกินร่วมกับเซลภูมิคุ้มกันอื่นๆ เช่น มาโครฟาจ เซลพิฆาตต่างๆ จะมีการกระตุ้นให้หลั่งสารน้ำออกมาหลายชนิดตามๆกันมา ซึ่งประกอบด้วยโปรตีนต่างๆ เช่น อินเตอร์ลิวคีน อินเตอรเฟียรอน ทีเอ็นเอฟ  สารเหล่านี้เป็นสารที่เกิดขึ้นมาส่งสัญญาณว่าร่างกายกำลังเกิดการอักเสบ จะยิ่งไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและระบบต่างๆให้ทำงานต่อสู้การอักเสบที่กล่าวมาแล้วทำงานเพิ่มอีก   ถ้ามันทำงานแต่พอดีเราก็มีอาการนิดๆหน่อยๆแล้วก็หายไปใน 1-2 วัน แปลว่ามันชะลอหรือหยุดทำงาน บางคนไม่มีอาการเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้ามันกระตุ้นจนเอิกเกริก เขาเรียกว่ามันเกิดพายุไซโตไคน์ คือมีโปรตีนภูมิคุ้มกันที่เป็นสารน้ำออกมามหาศาล ยิ่งออกมากก็ส่งสัญญาณว่ามีการอักเสบมากก็ยิ่งเรียกให้เซลในระบบภูมิคุ้มกันสร้างภูมิที่เป็นสารน้ำมากขึ้น และสุดท้ายโปรตีนในระบบภูมิคุ้มกันที่มีมหาศาลนี้จะเข้าโจมตีอวัยวะต่างๆแทน ทำให้การทำงานของอวัยวะที่ถูกโจมตีล้มเหลว เช่นไตวาย พายุไซโตไคน์เกิดขึ้นกับคนที่มีภูมิไวเกิน เกิดเมื่อร่างกายได้รับสารแปลกปลอม เช่น ติดเชื้อ วัคซีนก็ถือเป็นสารแปลกปลอมชนิดหนึ่ง   เมื่อหลายปีก่อนที่เราทราบข่าวดาราติดเชื้อไข้เลือดออกแล้วถึงแก่กรรม นั่นคือตัวอย่างของภาวะพายุไซโตไคน์

วัคซีนมันคุ้มครองเราได้จริงหรือ

ถ้าเราเข้าใจไวรัสโคโรนา เราจะรู้อย่างหนึ่งว่าเป็นไวรัสที่ชอบกลายพันธุ์ โดยปกติชอบกลายพันธุ์ที่โปรตีนเปลือกนอก คือโปรตีน S ที่เขาเอามาทำวัคซีน  ตรงที่เอามาทำวัคซีนจะกระตุ้นให้ร่างสร้างภูมิดีที่สุด แต่แปลงร่างบ่อยที่สุด  วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่เราฉีดกันมามันคุ้มครองเราได้แค่บางสายพันธุ์ เพราะมันเปลี่ยนเสื้อข้างนอกตลอดเวลา เปลี่ยนมากจนภูมิคุ้มกันจดจำไม่ได้ โควิดก็เหมือนกัน ไม่มีหลักประกันอะไรบอกเราว่าฉีดไปแล้วไม่เป็นโควิด เพราะจะมีเชื้อซาร์โควี-2 ที่กลายพันธ์ออกมาเรื่อยๆในเวลาไม่กี่เดือน เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพของวัคซีน

ประสพการณ์บอกความไม่แน่นอน

เขาศึกษาวัคซีนสำหรับไวรัสโคโรนามากว่า 20 ปี  ถ้าเราค้นกูเกิลคำว่า corona vaccine in animal เราจะเห็นว่าไม่มีงานวิชาการชิ้นไหนประสพความสำเร็จเลยแม้แต่ชิ้นเดียว  เชื้อเดียวกันเมื่อบุกรุกสัตว์ต่างชนิดจะทำให้เกิดโรคในสัตว์ที่อวัยวะต่างกัน เช่นทางเดินหายใจในไก่ ท้องร่วงท้องเสียในสุกร   วัคซีนสำหรับสัตว์ที่ขายกันอยู่มีข้อจำกัดในการใช้ทั้งในปศุสัตว์และในสัตว์เลี้ยงเช่นหมาแมว  บางการวิจัยพบไวรัสเพิ่มจำนวนมากในม้ามสัตว์ภายหลังการฉีดวัคซีนเชื้อเป็นก็มี  มีคำถามมากมายที่ยังไม่มีคำตอบ และเป็นไปในทางลบเสียส่วนใหญ่ และวันนี้เราก็ใช้โมเดลทางพันธุวิศวกรรมที่เราทำวัคซีนในสัตว์เข้ามาทำวัคซีนของมนุษย์

ควรฉีดวัคซีนไหม

ผมว่าทุกคนรอคำตอบในย่อหน้าสุดท้ายนี้ว่าถ้าวัคซีนมาแล้วไปฉีดดีไหม  สมมติว่าผมเป็นผู้หญิงคิดจะเตรียมมีบุตรผมคงต้องหยุดคิดเสียแล้วว่า มันมีความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ไหม  การทดลองวัคซีนอย่างรวบรัดกับคนไม่กี่หมื่นคน ในจำนวนนี้เป็นหญิงที่กำลังตั้งครรภ์สักกี่คน  ยังไม่มีใครรายงาน แต่มีใครเริ่มศึกษาในห้องทดลองหรือยังว่าแอนติบอดีที่เกิดจากวัคซีนมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงบนผิโปรตีนซินไซเชียล  

มีผู้สูงอายุเกิน 60 ปีกี่รายที่ทดสอบวัคซีนนี้ แม้จะเป็นไวรัสตัวปลอม แต่ก็มีส่วนของยีนไวรัสซาร์โควี-2 ซึ่งตัวไวรัสเองทำให้ผู้สูงอายุมีอัตราการตายสูงกว่าวัยอื่นอย่างมีนัยสำคัญ มีผู้ทดลองวัคซีนเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจกี่คน เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ก็มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิดสูงกว่าคนกลุ่มอื่นเช่นกัน  

ถ้าผมกลัวว่าไวรัสมันจะแฝงตัวเข้าไปในพันธุกรรมของผม ผมคงเลิกวิตกกังวลเพราะไวรัสอะดิโนมันยังไม่มีรายงานว่ามันมีพฤติกรรมอย่างนั้น กว่าผมจะพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งถ้ามันอุตริจะเข้าไปทำอะไรก็คงอายุเข้าใกล้ฝั่งเต็มทน  แต่ผมก็ไม่ชอบที่ปล่อยให้อะไรบางอย่างที่ผมไม่เห็น ไม่รู้ ไม่มีข้อมูลมากพอเข้าไปในตัวผม สั่งให้เซลในตัวผมสร้างอะไร เหมือนตัวเองโดนเอเลี่ยนเข้ามาบงการชีวิต   

ผมฉีดวัคซีนมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เด็ก เคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี และมีภูมิมาแล้วแบบไม่รู้ตัว น่าจะมีโอกาสต่ำถ้าไม่ซวยจนเกินไปที่จะเกิดพายุไซโตไคน์  แต่ไม่มีหลักประกันอะไรที่บอกว่าไวรัสโคโรนาปลอดภัยเพราะผู้ป่วยโควิดช่วงที่ระบาดใหม่ๆส่วนหนึ่งทรุดหนักจนถึงตายเพราะพายุไซโตไคน์  ปัจจุบันแพทย์ก็มีประสพการณ์รับมือกลุ่มอาการนี้เป็นอย่างดีแล้วด้วยยาสเตียรอยด์ ถ้าจะกลัวพายุไซโตไคน์ก็คงเบาใจลงได้เปลาะหนึ่ง  

ผมชอบประโยคหนึ่งเมื่อมีคำถามว่าควรฉีดวัคซีนหรือไม่ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ตอบว่าคุณเท่านั้นต้องเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะฉีดหรือไม่ฉีด

เรามาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ และยอมรับความเสี่ยงที่จะฉีดวัคซีนอะไรก็ไม่รู้ที่โลก (ทั้งวงการแพทย์และวิทยาศาสตร์) ไม่รู้จักมันดีพอ  พลเมืองโลกมีอยู่ 7.8 พันล้านคน  ถ้าจะตายไปบ้างจากการแพ้วัคซีนสักหนึ่งในหมื่น ก็แค่ 0.0001% ยอมเสียส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่  เราสามารถเลือกทางข้างหน้าของตัวเอง และยอมรับผลในสิ่งที่ตัวเองเลือก บาดเจ็บเพราะวัคซีนหรือเพราะติดเชื้อโควิด ซึ่งเราอาจไม่ติดโควิดเลยก็ได้  ขอให้โชคดีในสิ่งที่เลือก


https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7284272/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น