ไม่นานมานี้หนังสือพิมพ์ในต่างประเทศหลายฉบับตีข่าวการรับประทานอาหารเสริมประเภทน้ำมันปลาโอเมกาในคนปกติที่ไม่ได้มีการป่วยไข้ แต่เป็นการกินเสริมเพื่อหวังผลสุขภาพแข็งแรงกลับเป็นผลร้ายทำให้เกิดโรคในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต แพทย์แนะนำการใช้ไขมันกลุ่มโอเมกากับคนไข้โรคหัวใจที่อยู่ในความดูแลเท่านั้น โอเมกาไปทำอะไรกับหัวใจคนปกติ หากมีการรับประทานวิตามินมากเกินไปจะทำให้ไฟฟ้าหัวใจผิดปกติไปและมักเป็นสาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะนั่นเอง
ที่น่าตกใจคือกลุ่มนักกีฬา โดยเฉพาะคนเพาะกายเขาใช้โอเมาเพื่อลดและบำบัดการอักเสบของกล้ามเนื้อในปริมาณที่สูงมาก ในแคปซูลเจลหนึ่งเม็ดมีโอเมกาสูงถึง 3000
มก.ทีเดียว รับประทานวันละ 2-5
แคปซูลแล้วแต่น้ำหนักตัว
เรามักได้ยินข่าวนักกีฬาหนุ่มแน่นหัวใจวายเฉียบพลันทั้งที่เป็นคนที่วัดสมรรถภาพแล้วอยู่ในเกณฑ์สมบูรณ์ดีมาก
ทำเอารู้สึกไม่แน่ใจว่าแต่ละคนนั้นทานอาหารเสริมอะไรลงไปบ้าง
และผลของอาหารเสริมทำอะไรกับร่างกายของคนเหล่านั้น
สองสามปีก่อนมีคนพยายามชักชวนให้ผมไปฉีดวิตามินดีเข้าชั้นกล้ามเนื้อ
โดยเขายินดีออกค่าใช้จ่ายให้
ผมบอกเขาว่าอันตรายมากมันขับออกจากร่างกายไม่ได้ไม่เหมือนวิตามินที่ละลายน้ำได้
และปริมาณที่ฉีดนั้นเป็นแสนหน่วย
เขาถึงขนาดลงทุนโทรไปหาแพทย์ที่มีวุฒิบัตรเฉพาะสาขาให้พูดกับผมว่าทำได้ไม่อันตรายสามารถทำได้ ผมเคยมีประสพการณ์รับประทานวิตามินดี
คือจำไม่ได้ว่าทานหรือยังทำให้ได้รับปริมาณที่สูงเกินแล้วมีอาการเปลี้ยเจ็บกล้ามเนื้อไปทั้งตัว สำหรับผมที่เป็นคนทำงานออฟฟิศ วันหยุดออกแดดสวมเสื้อแขนยาวตลอดเวลา
ใช้ครีมกันแดด กางร่ม
โอกาสที่ผมจะถูกแดดเช้าคือไม่มี
ผมจำเป็นต้องรับประทานวิตามินดี
ซึ่งควรรับประทานเท่าไรควรพบแพทย์ให้เขาตรวจเลือดประเมินว่าร่างกายผมใช้วิตามินมากน้อยแค่ไหนเพื่อปรับปริมาณที่เหมาะสม การฉีดวิตามินดีในระดับสูงๆแพทย์นิยมใช้กับผู้ป่วยที่มีการดูดซึมวิตามินผ่านระบบทางเดินอาหารได้ไม่ดี มักเกิดในกลุ่มผู้สูงอายุมากๆที่ภูมิคุ้มกันโรคต่ำ
มีภาวะของกระดูกเสื่อม
ผู้ป่วยโรคอ้วนจะไม่เหมาะกับการฉีดวิตามินดี
เพราะวิตามินจะไปสะสมอยู่ในไขมันใต้ผิวแทนที่จะแปรรูปแล้วเวียนทำงานในหลอดเลือดจึงไม่เกิดประโยชน์
มีการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งระบุว่า
การรับประทานวิตามินรวมไม่ได้ช่วยอะไรเลย แม้คนไข้จะรับประทานมานาน
แต่ความชุกของการเกิดโรคหัวใจ มะเร็ง โรคทางสมอง
มีเท่ากันกับคนที่ไม่ได้รับวิตามินทุกประการ นอกจากวิตามินรวมแล้วยังมีวิตามินที่เจาะจง
เช่น วิตามินบีรวม
วิตามินบีรวมสำหรับผู้บริหาร
วิตามินสำหรับหัวใจ วิตามินสำหรับผิวพรรณ เล็บ และเส้นผม เป็นต้น
หากพิจารณาสูตรวิตามินเหล่านี้มักพบว่ามันสูงเกินกว่าปริมาณที่แนะนำต่อวัน
เป็น 500-1000% (5-10 เท่าของความต้องการร่างกาย)
ซึ่งมักอ้างว่าเวลาป่วยร่างกายต้องการวิตามินจำนวนมาก แต่เราก็รับปริมาณนั้นทุกวันในแม้ในวันที่ร่างกายปกติดี
และรับติดต่อกันนานหลายปี
วิตามินประเภทละลายในน้ำมัน เช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี
เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถขับทิ้งทางปัสสาวะได้เหมือนวิตามินบี
วิตามินซี
วิตามินที่ละลายในไขมันจะผ่านกระบวนการแปรรูปแล้วไปเก็บไว้ในตับ
ตับคนเราต้องเก็บของเสียที่ร่างกายขับออกไปทิ้งข้างนอกไม่ได้ตลอดชีวิต
โอกาสที่ตับไม่ทำงานมีหลายสาเหตุ นอกจากเกิดจากการติดเชื้อไวรัสแล้ว
อาหารที่รับประทานเข้าไปยังทำลายตับอีกด้วย ได้แก่ อัลกอฮอล์ สารพิษจากเชื้อรา
ยาฆ่าแมลง อาหารที่มีน้ำตาลเชิงเดี่ยว
คาร์โบไฮเดรทเชิงเดี่ยวสูงทำให้เกิดไขมันพอกตับ นำไปสู่ภาวะตับแข็ง
การรับประทานวิตามินกลุ่มที่ละลายในไขมันจึงควรรับประทานเท่าที่จำเป็นและหยุด
ห้ามกินต่อเนื่อง มักมีคนพูดเสมอว่าวิตามินนี้ปลอดภัย
เป็นออกานิกซ์ สกัดจากพืชธรรมชาติ
ไม่ว่าวิตามินนั้นจะสังเคราะห์ในอุตสาหกรรม หรือที่สกัดจากพืช สัตว์
ล้วนอันตรายทั้งสิ้นเพราะต้องผ่านกระบวนการทางเคมีสกัดออกมา โอกาสตกค้างจากสารเคมีย่อมมี แม้จะมีในระดับต่ำที่ตรวจไม่พบ (วิธีการตรวจอาจไม่มีความไวพอ)
แต่การได้รับสารเคมีไม่พึงประสงค์ในระดับต่ำจากการกินวิตามินนานๆจะส่งผลร้ายในวันข้างหน้า
เกลือและแร่ธาตุเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เสริมเข้าไปในผลิตภัณฑ์ต่างๆ
ระบบประสาทควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อมัดต่างๆโดยใช้เกลือเป็นตัวสร้างประจุไฟฟ้า และเกี่ยวพันกับโรคบางชนิดที่เลือกระดับความเข้มข้นชนิดของเกลือ เช่นเดียวกันที่แร่ธาตุบางอย่างช่วยเสริมการขจัดขจัดอนุมูลอิสระ
บางแร่ธาตุจำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดเลือดแต่กลับอันตรายกับคนที่เป็นโรคเลือด
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนให้มีการเสริมแคลเซียมเพื่อเสริมกระดูกร่วมกับวิตามินดีในขณะที่อีกหลายงานวิจัยที่อ้างว่าไม่ได้ผล
แคลเซียมที่ไม่ได้ส่งไปเสริมกระดูกมักตกตะกอนในหลอดเลือดทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบตัน ภาวะไขมัน น้ำตาลในเลือดสูง
การสูบบุหรี่และอื่นๆร่วมกันก็ทำให้หลอดเลือดตีบตันได้ สิ่งที่แพทย์แนะนำเหมือนกันหมดคือให้ทานอาหารที่มีคุณภาพให้ครบตามความต้องการของร่างกายแทนการทานอาหารเสริม
ส่วนที่ร่างกายบกพร่องแพทย์ถึงจะให้ทานเสริมตามความจำเป็น
การแพทย์สมัยใหม่มักเสริมฮอร์โมน
และเมตาโบไลท์เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับเป็นหนุ่มเป็นสาวอีกครั้งหนึ่ง เช่นการใช้ฮอร์โมนเพศ นอกจากเพื่อรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว
ยังช่วยปรับเรื่องของอารมณ์ สมาธิ ความนึกคิด การนอนหลับ เพื่อความทนทานและความแข็งแกร่งทางการกีฬา เป็นเรื่องที่ควรระมัดระวังอย่างยิ่ง
เพราะเป็นการกระตุ้นร่างกายทั้งระบบและส่งผลรุนแรง การรักษาเห็นผลได้ชัดเจน แต่ในระยะยาวการใช้ฮอร์โมนเพศมักเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี ต่อมลูกหมากอักเสบและโต
มะเร็งหลายชนิดล้วนมาจากระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ
การดิพ (ให้สารผ่านหลอดเลือด) สารชีวเวชภัณฑ์ต่างๆเข้ากระแสเลือดก็นิยมทำกันเพื่อความงามเป็นส่วนใหญ่
เช่น วิตามินซี กลูตาไธโอน สารชีวเวชภัณฑ์อีกกลุ่มที่นิยมกันคือการให้สารตั้งต้นในกระบวนการสร้างพลังงาน
เช่น NAD+ ก็เป็นที่นิยมและประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยหายใจไมโตคอนเดรีย
อาหารเสริมกลุ่มแอนตีออกซิแดนท์ขจัดอนุมูลอิสระต่างๆขายเป็นแพคเกจควบคู่ไปกับการวัดความยาวของเทโลเมียร์ การเสริมโปรตีนสำหรับนักเพาะกายเป็นจำนวนมากเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันเพราะคำโฆษณาจะทำให้ไตทำงานหนักเพื่อขับของเสียไนโตรเจนจำนวนมาก
จึงไม่เหมาะการเสริมให้กับผู้ป่วยโรคไต เป็นต้น
ถ้าถามว่าผมทานอาหารเสริมหรือไม่ คำตอบคือ “ใช่” ทำไมผมจึงเลือกทานอาหารเสริม เพราะผมไม่แน่ใจว่าผมทานอาหารได้หลากหลายเพียงใด บางครั้งผมทานแต่อาหารซ้ำๆ ทานอาหารนอกบ้านมากกว่าอาหารในบ้าน ถ้าทำได้ผมเลือกประเภทของอาหาร เลือกผักมากกว่า เลือกเนื้อมากกว่าไขมันสัตว์ เป็นต้น แต่อาหารที่ปรุงนอกบ้านมีทั้งเกลือ น้ำตาล และไขมันพืชจำนวนมาก มากกว่าที่ผมเตรียมเองหลายเท่าตัว ผมสังเกตจากจานชามที่ใช้น้ำยาล้างจานจำนวนมากกว่าจะหมดคราบมัน ผมมีภาวะคลอเรสตอรอลดีต่ำมากและมีคลอเรสเตอรอลไม่ดีสูงทำให้ต้องใช้ยา ผลข้างเคียงของการใช้ยาคือร่างกายไม่สร้างโคเอนไซม์คิว (สารสำคัญในการสร้างพลังงานภายในเซลหายใจ) ไม่มีการอ้างอิงปริมาณการบริโภครับโค-คิวต่อวัน ผมเลือกทานยูบิควินอลเสริม 100 มก. สัปดาห์ละ 3 ครั้ง วิตามินอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบต่างๆเช่น บีรวม ผมทานครึ่งเม็ด (หนึ่งเม็ดเข้มข้น 500%) สัปดาห์ละ 3 วัน วิตามินซีเข้มข้น 1000% ครึ่งเม็ด สัปดาห์ละ 3 วัน วิตามินดี2 เดือนละ 3 เม็ดทุก 10 วัน ผมถือหลักว่าพยายามกินให้น้อยที่สุด เพื่อนผมหลายคนกินวิตามินแบบเพิ่มเท่าจากที่ผู้ผลิตระบุแล้วคิดว่าจะได้ผลดี ซึ่งผู้ผลิตก็ให้รับประทานมากกว่า 5-10 เท่าอยู่แล้ว แต่ผลการตรวจเลือดทุกครั้งทั้งหมดก็ดูย่ำแย่ ยาลดไขมันกินมาเป็นสิบปีก็ยังให้เท่าเดิม ไม่ยอมออกกำลังกาย เมื่อผมถามว่าทำไมต้องกินมากกว่าที่เขาระบุข้างขวด มักได้คำตอบว่าน้ำหนักตัวผมเยอะเป็นร้อยกิโลกรัม อันที่จริงแล้วควรใช้น้ำหนักตัวตอนที่เป็นหนุ่มเป็นสาวเป็นเกณฑ์ เพราะน้ำหนักตัวตอนนี้มาจากชั้นไขมันและและบวมน้ำ เมื่อปีที่แล้วมีการตรวจหาความยาวส่วนปลายโครโมโซมหรือความยาวทีโลเมียร์กัน ในวัยหนุ่มสาวปลายโครโมโซมจะยาวและเมื่ออายุเพิ่มขึ้นมันจะหดสั้นลงตามลำดับ ซึ่งสะท้อนภาวะชรา นอกจากความเสื่อมโทรมลงตามวัยแล้วการใช้ชีวิตของคนจากภาวะทุโภชนาและมลภาวะทุกชนิดบั่นทอนให้ปลายโครโมโซมหดสั้นเร็วขึ้น เขาจึงใช้วัดความยาวของปลายโครโมโซมเพื่อบอกอายุเซลที่แท้จริง (เซลแก่กว่าอายุจริงเท่าไร) คนที่มีปลายโครมโซมยาว”อนุมาน” ได้ว่า โอกาสที่การอ่านรหัสและแปลรหัสจากโครโมโซมมีประสิทธิภาพดีจึงรักษาการสร้างการทำลายของระบบการทำงานในร่างกายได้ปกติดีเหมือนเช่นในวัยที่หนุ่มสาวกว่านี้ ผมใช้คำว่าอนุมานเท่านั้นเพราะยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากหลายที่ควบคุมความแก่ชรา ดราม่าเกิดขึ้นมาคือ ไม่ว่าจะวัดความยาวปลายโครโมโซมกี่ครั้ง ค่าที่ได้ของผมชนเพดานบน 11-11.5 กิโลเบสเสมอ ซึ่งเป็นความยาวเทียบเท่าของคนอายุ 22 ปี คนที่อายุไล่ๆกับผมอยู่ที่ 9-10.5 ซึ่งเป็นไปตามวัย บางคนยอมรับความจริงบางคนไม่ยอมเพราะเขากินวิตามินเป็นกำทบขึ้นไปหลายเท่าโดยไม่ออกกำลังกาย มีทั้งเบาหวานและไขมัน ถามว่าผมดีใจตื่นเต้นไหมที่อายุชีวภาพผมน้อยกว่าอายุวันเกิด คำตอบคือไม่เลย เพราะความชราไม่ได้อยู่ที่ปลายโครโมโซมเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากต่อมาก ไม่เช่นนั้นผมต้องไม่มีผมขาว ผิวหนังผมต้องไม่เหี่ยวย่น ไม่มีผ้ากระเต็มอย่างที่เป็น ระดับไขมันและคลอเรสเตอรอลต้องปกติ ผมต้องนอนหลับสนิทดี ฮอร์โมนการเจริญเติบโตผมต้องดี สุขภาพทางเพศต้องดี ดังนั้นอย่าให้ใครหลอกขายอาหารเสริมให้แล้วบอกว่าทานแล้วเทโลเมียร์ยาวขึ้น ซึ่งวัดแล้วก็ยาวขึ้นจริงๆ แล้วบอกว่าอายุเซลคุณเยาว์ลง มันเป็นการโกหกคำโต
การเจ็บป่วยของร่างกายมักไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่อยู่ในลักษณะปัญหาหลายอย่างเข้ามาร่วมกัน การยกมาตรฐานคุณภาพของชีวิตคนจากการรับประทานเป็นเรื่องดี ทำให้มีชีวิตที่ยืนยาว เจ็บไข้ป่วยหนักลดลง แต่ควรยกระดับนิสัยสร้างเสริมสุขภาพไปพร้อมๆกันด้วย มิใช่อาหาร อากาศ เท่านั้น แต่พฤติกรรมและวินัยของการกินอยู่ การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมควรเกิดขึ้นควบคู่ไปด้วยอย่างสม่ำเสมอ มิเช่นนั้น การกินอาหารเสริมที่มากเกินจำเป็นอาจทำให้คุณ”ตุย”ได้ก่อนเวลาอันควร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น