ปลายปีที่แล้วผมนำรถไปหุ้มเบาะใหม่ทั้งคัน รถที่ใช้มาสิบปีหนังผิวเบาะส่วนที่สะโพกและหลังต้นแขนถูไถปริแตกลายงา ดูแล้วไม่สบายตาสบายใจ ถ้าจะหลับตาข้างหนึ่งมันก็ยังใช้ได้แต่ไม่เอาดีกว่า ร้านหุ้มเบาะมีหลายระดับราคาตามเกรดหนังและความพรีเมี่ยมของโรงงานและความพรีเมี่ยมของรถ ซึ่งรถผมเหมาะกับร้านทั่วไปที่เขามีชื่อเสียงและประสพการณ์ทำเบาะมานานเป็นสิบปีก็เพียงพอแล้ว การหุ้มเบาะของร้านทั่วไปเขามีให้เลือกว่าจะใช้หนังเทียมทั้งคัน
สนนราคาประมาณ 4000-6000 บาทแล้วแต่ขนาดของยนตรกรรม ถ้าเป็นหนังแท้ผสมหนังเทียมราคาจะอยู่ที่ 11000-13000
บาท ถ้าเป็นหนังแท้ทั้งคันก็อาจขึ้นไปถึง
20000 บาทได้ สำหรับผมเลือกหนังผสม คือให้เขาใช้หนังแท้ส่วนที่ร่างกายเราสัมผัสกับเบาะและพนัก ส่วนที่ไม่สัมผัส ได้แก่ ด้านหลังพนัก
ขอบรอบเบาะ ใช้หนังเทียม การเลือกหนังผสมช่วยลดค่าใช้จ่ายลงเป็นอันมาก
ถ้าเขาเย็บเบาะสำเร็จมาแล้วเราจะดูได้ยากว่าชิ้นไหนหนังแท้ แผ่นหนังสัตว์เขาจะฟอกด้านหน้าสัมผัสและปล่อยด้านหลังให้ขรุขระเปลือยไว้
ส่วนหนังเทียมจะเห็นได้ชัดว่าด้านหลังเป็นเหมือนผ้าขาวบางสีขาว หนังที่มาเป็นแผ่นจึงดูได้ไม่ยาก หากหุ้มไปแล้วเราพอจะจำแนกหนังแท้และหนังเทียมได้ด้วยการใช้นิ้วกดคาไว้ ถ้านิ้วกดคาไว้หนังเทียมจะบุ๋มลงไปเฉยๆรอบนิ้วที่กดเพราะมันมีความยืดหยุ่นมาก ส่วนหนังแท้พอกดแล้ว เราจะเห็นรอยย่นเป็นรัศมีรอบนิ้วที่กดคาไว้ ร้านทำเบาะที่ผมเลือกเขาจะมีแพทเทิร์นสำหรับเบาะรถตรงรุ่นไม่ต้องจอดรถทิ้งไว้ ใช้เวลา 2-3 วันเพื่อตัดและเย็บ จ่ายเงินแล้วก็นัดวันไปเปลี่ยนเบาะได้เลย
ใช้เวลาเปลี่ยนราวชั่วโมงเศษๆ การเปลี่ยนเบาะเขาจะยกเก้าอี้ทั้งหมดออกมาทำข้างนอกรถ
ลอกเบาะหนังเดิมออก มีทั้งส่วนที่เป็นซิปและตีนตุ๊กแกยึดไว้ แล้วเอาเบาะใหม่สวมลงไป เราจะไม่เห็นว่าเบาะที่ทำมาใหม่เป็นหนังอะไรเพราะเขาจะบุฟองน้ำบางๆหุ้มด้านในไว้ทั้งหมด ถ้าฟองน้ำเบาะนั่งเรามาหลายปียุบตัว
ต้องให้เขาเสริมให้ได้ความแข็งหยุ่นจนกว่าเราจะพอใจ
จึงควรตกลงกับร้านเบาะตั้งแต่แรกว่าราคารวมการเสริมฟองน้ำที่เก้าอี้ด้วย ถ้าไม่เสริมเบาะให้ฟูเต็มแล้ว หนังที่เย็บมาสวมจะย้วยย่นเหมือนหนังเกิน จึงควรนั่งลงไปทดสอบทุกที่นั่งรวมถึงพนักพิงไม่เฉพาะที่นั่งคนขับเท่านั้น
เสร็จเรียบร้อยคนขายถามว่าผมใช้อะไรเคลือบเบาะ ผมเอ่ยชื่อผลิตภัณฑ์ที่ขายตามท้องตลาด
เขาบอกไม่ได้ แบบนั้นหนังเสียหมด แล้วเขาก็แนะนำสินค้าของเขา ผมคิดในใจว่าจะขายของที่ไม่น่าแตกต่างจึงได้ปฏิเสธว่ายังมีของเดิมเหลืออยู่พอสวมควร
ผ่านมาหลายเดือนถึงเวลาต้องบำรุงรักษาเครื่องหนังเสียที ตอนนี้ผมมีน้ำยารักษาเครื่องหนังหลายชนิด มีไขปลาวาฬ มีน้ำยารักษาเครื่องหนังรถยี่ห้อท้องตลาด มีน้ำมันกระดูกสัตว์ (neatsfoot oil) ที่ซื้อมาแช่หนังสูบตะเกียงให้นุ่มและลื่น น้ำมันกระดูกสัตว์ได้จากการสกัดน้ำมันจากกระดูกหน้าแข้งสัตว์กีบ เช่น วัว จึงเป็นน้ำมันวัว มีความหนืดและลื่นประมาณน้ำมันพืช คำพูดของคนทำเบาะผุดขึ้นมาผมเลยตั้งใจว่า คอนโซลที่เป็นไวนิล หนังเทียมผมจะใช้น้ำยาขัดเคลือบรถยนต์ทั่วไป แต่ส่วนหนังแท้จะใช้น้ำมันกระดูกสัตว์ในการบำรุง จากประสบการณ์เดิมๆเวลาที่ผมพ่นน้ำยาขัดเบาะและใช้ฟองน้ำทาจนทั่ว ผมจะทิ้งไว้อย่างนั้นจนกว่าผมจะใช้รถซึ่งอาจเป็น 2 วันขึ้นไป ก่อนจะใช้รถผมใช้ทิชชูเอนกประสงค์สำหรับงานครัวเช็ดเบาะ จะเห็นคราบน้ำมันซับติดขึ้นมาบนกระดาษบางๆ พอเสร็จแล้วจะเห็นเบาะรถทั้งหนังเทียมและหนังแท้เป็นเงางามดำสนิท แต่การขัดเบาะคราวนี้ส่วนหนังแท้ที่ใช้กับน้ำมันกระดูกสัตว์มันมีความมันเงาไม่เกินสิบนาทีแล้วก็ซึมหายไปในแผ่นหนังแท้เหลือแต่ความด้านของหนังที่ไม่ดำสนิทขึ้นเงาแม้แต่น้อย แต่ตรงจุดไหนที่น้ำยาเคลือบเบาะพ่นกระเซ็นโดนหนังแท้จะเป็นจุดเงา ส่วนของน้ำมันกระดูกสัตว์ที่ลงบนหนังเทียมยังคงมันเงาอยู่จนงานเสร็จ อย่างน้อยผมมีข้อสรุปประการหนึ่งคือ น้ำมัน และน้ำไม่ซึมลงหนังเทียม ต่างจากหนังแท้ที่มีรูพรุน
ผมลองเอาน้ำมันกระดูกสัตว์ไปชโลมเข็มขัดหนังด้านที่ไม่ได้ฟอกเป็นหนังเปลือย รอยน้ำมันเป็นสีเข้มขึ้นชัดและมีความชุ่ม เช้าวันรุ่งขึ้นมันกลับแห้งเหมือนตอนก่อนชโลม
บอกไม่ได้ว่าหนังอ่อนนุ่มขึ้นเพราะหนังเข็มขัดมันหนามากแต่ก็มีความหวังว่าในระยะยาวถ้าทำบ่อยๆมันจะดี
คงใช้น้ำมันกระดูกสัตว์นี้ในการบำรุงเบาะไปจนกว่าจะหมดขวดแล้วสังเกตความเปลี่ยนแปลงของหนัง
อาจใช้เวลาเป็นปี หนังกระดูกวัวนี้ลองค้นจากกูเกิลเขาแนะนำว่าเหมาะกับการชโลมเครื่องหนัง
ถุงมือเบสบอล อานม้า และอื่นๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น