ระหว่างที่ทากาวผมก็นึกถึงตอนเป็นเด็ก พวกเราใช้กาวแป้งเปียกมาติดกระดาษ แต่ถ้าเป็นงานไม้เราจะใช้กาวลาเท็กซ์ แป้งเปียกซื้อได้ทั่วไป เขาบรรจุอยู่ในกระบอกพลาสติกเหมือนกระบอกยาฝาเกลียว แต่ขวดแป้งเปียกเป็นฝาแบบกดปิด ถือว่ากาวแป้งเปียกเป็นออกานิก เพราะมันกวนบนเตาจากน้ำและแป้งมันสำปะหลังจนข้นหนืด และมันไม่เสียเพราะไม่มีน้ำให้จุลินทรีย์เติบโต หรือเขาผสมยากันบูดด้วยผมไม่แน่ใจ เพียงแต่เก็บนานวันไปมันจะเริ่มแห้งยุบตัวลงไปและร่อนจากกระบอกพลาสติก ถ้าผมอยากใช้แป้งเปียกก็ต้องกวนเองแล้วซินะ
ผมก็มานั่งนึกต่อว่าคนโบราณเขามีภูมิปัญญานะ ที่อาศัยโมเลกุลของแป้งเมื่อแห้งแล้วมันจะยึดเกาะประสานเป็นตัวกลางยึดกระดาษสองแผ่นเข้าด้วยกัน ไม่ต่างจากปูนน้ำอ้อยที่ใช้ฉาบผนัง หรือปูนก่ออิฐยุคอยุธยาที่ใช้ปูนตำหมักกับหนังสัตว์ น้ำอ้อยจนได้ที่ค่อยผสมกับทรายแล้วเอาไปใช้ก่ออิฐ เอาไปฉาบผนัง สำหรับผนังขั้นสุดท้ายที่ฉาบชั้นนอกสุดต้องการความเรียบเขาจะไม่ผสมทรายแต่เอาปูนหมักฉาบเลย ปูนน้ำอ้อยอยู่ได้เป็นร้อยปี โบสถ์คาทอลิกหลายแห่งสร้างด้วยปูนน้ำอ้อย เช่น วัดเพลง ที่ราชบุรี
กาวยูฮู ไม่รู้ใครตั้งชื่อแบบนี้ แต่ที่ถูกเขาบอกว่าต้องออกเสียงอู้ฮู เป็นกาวที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติผสมกับน้ำโดยไม่มีตัวทำละลายอินทรีย์ จึงปลอดภัย แต่เขาก็ไม่ได้บอกมาว่าสารจากธรรมชาติคืออะไร ผมมองว่า น้ำมัน ยางมะตอย โฟม พลาสติก นี่ก็มาจากธรรมชาตินะโดยกระบวนการแปรรูป ผมแกะหลอดกาวออกจากกล่องโบราณ ติดฉลากว่าเป็นของขายเดือนมกราคม 2544 พบว่ากาวไม่ได้แห้งเปราะแต่อย่างใด แต่คิดว่าแห้งลงไปนิดหนึ่งต้องออกแรงถูให้ติด ตอนนี้ผมก็อยากรู้ว่ามันจะติดได้ดีอยู่ไหม พรุ่งนี้คงได้คำตอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น