AliPay และ WeChat เป็นแอพลิเคชันที่ทรงพลังที่สุดในประเทศจีนในขณะนี้ เป็นสิ่งใหม่ที่ผมต้องเรียนรู้เมื่อเตรียมตัวไปเที่ยวประเทศจีน ครั้งสุดท้ายที่ผมไปจีนคือปีใหม่ปี 2018 หลังจากที่ไปจีนติดต่อกันทุกปีอยู่ระยะหนึ่ง
เวลาผ่านไปเพียง 5 ปี เหมือนต้องเริ่มต้นทำความเข้าใจกับการใช้ชีวิตในจีนใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ประเทศจีนอาศัยการยืนยันตัวตนเพื่อผ่านเข้าสถานที่ต่างๆในหลายรูปแบบ
แล้วแต่ความสดวกของคนหลายๆรุ่นในสังคม
เช่นบัตรประจำตัวที่มีแถบแม่เหล็กสำหรับยืนยันตัวตนแตะบัตรเพื่อเข้าออกสวนสาธารณะต่างๆที่มีไม้กั้น
บัตรเหล่านี้ยังผูกไว้กับกระเป๋าเงินเพื่อให้คนสูงอายุแตะบัตรขึ้นรถเมล์ได้สดวกขึ้นเนื่องจากความไม่ชำนาญในการเข้าถึงแอพลิเคชั่นต่างๆ ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่องสามารถทำตัวเป็นเครื่องอ่าน
reader และเป็นเครื่องสร้างรหัสในระบบแท่งแบบมิติเดียว และระบบ QR ที่เป็นภาพสองมิติได้ ทำให้มีความสดวกในการทำธุรกรรมต่างๆเป็นอย่างมาก การ์ดพลาสติกเหลือแต่บัตรประจำตัวประชาชน
แต่รหัสภาพกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารในชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว
เมื่อเราโหลด AliPay
เข้ามาไว้ในมือถือของเราแล้ว ก่อนอื่นมีขั้นตอนที่เราต้องจัดการคือการยืนยันตัวตน ที่มุมล่างขวา มี เมนู Account ให้เข้าไปตั้งบัญชีและยืนยันตัวตนด้วยหมายเลขโทรศัพท์ไทยโดยกรอกรหัสที่เขาส่งมาทางกล่องข้อความก่อน ให้เราตั้งรหัสผ่านด้วยอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวพิมพ์เล็ก สัญญลักษณ์ และตัวเลขเพื่อแก้ไขข้อมูลบัญชีส่วนตัวในภายหลัง แอพฯจะให้เรากรอกข้อมูลตามพาสปอร์ต
และให้เรายืนยันด้วยการถ่ายหน้าพาสปอร์ตของเรา หากเราต้องการใช้ใบหน้าแทนการป้อนรหัสเลข 6 ตัวเวลาชำระเงิน
เราก็สามาถถ่ายรูปใบหน้าของเราเก็บไว้ในบัญชีส่วนตัวได้ ซึ่งรวมถึง
ใส่ข้อมูลบัญชีบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ของธนาคาร ในหน้าเมนูบัญชีของเรามีเครื่องหมายการตั้งค่า setting อยู่ที่มุมขวาบน เราสามารถเข้าไปกำหนดความปลอดภัย ลำดับการใช้บัตรหลักและบัตรรองเพื่อชำระเงิน การเลือกจดจำใบหน้าแทนการป้อนรหัส และอื่นๆได้
ในหน้าบัญชีส่วนตัวของเรามี เมนู My transaction สำหรับตรวจสอบรายการใช้จ่ายประจำวันของเราได้อีกด้วย สิ่งที่ต้องคำนึงเมื่อผูกบัตรและหมายเลขโทรศัพท์ไว้กับ AliPay คือ
2. 2. การผูกบัตรต่างๆกับ AliPay บัญชีบัตรเครดิต สามารถผูกได้กับ AliPay จะผูกไว้หลายบัตรก็ได้ แต่เขาจะให้เราเลือกบัตรหลักที่ใช้ชำระเงิน ซื่งเราสามาถแตะเปลี่ยนเพื่อเลือกบัตรได้ก่อนชำระเงินทั้งในเมนู Pay/Receive และเวลาที่เรา scan การใช้บัตรเครดิตชำระจะมีค่าธรรมเนียมของธนาคาร ค่าการแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างประเทศ แต่ถ้าเรามีบัตรเดบิต เราสามารถหักบัตรเดบิตโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมต่างๆ ผมมีบัตรเดบิตไป 2 ใบ บัตรสองใบนี้สมัครผ่านแอพฯธนาคาร ดังนั้นการทำธุรกรรมต่างๆจะทำผ่านแอพฯของธนาคารนั้นๆ จึงเป็นเหตุผลสำคัญหนึ่งที่เลือกใช้ซิมท่องเที่ยวของไทยและเปิดโรมมิ่งขณะท่องเที่ยวในต่างประเทศ ใบหนึ่งเป็นของธนาคารกรุงไทย เป็น travel card ที่ผูกกับ UnionPay แต่ผมมีปัญหาทุกครั้งที่ใช้ โดยแอพฯ Next ของธนาคารจะขึ้นข้อความว่าระบบของธนาคารกรุงไทยใช้ไม่ได้ชั่วคราว อีกบัตรหนึ่งที่ผมนำไปด้วยคือ boarding card ของธนาคารกรุงศรี พบว่าสามารถใช้งานได้สดวกมาก ผมสามารถแลกเงินหยวนฝากไว้ในบัตรจากเมืองไทยในอัตราเพียง 4.88 บาทเท่านั้น เมื่อผูกกับบัตร AliPay และเลือกใช้เป็นช่องทางจ่ายเงินหลัก มันสามารถใช้ได้อย่างราบรื่น การมีทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิตผูกไว้กับ AliPay มากกว่า 1 ใบ เป็นเรื่องที่ดี พบว่าในบางครั้งผมไม่สามารถชำระเงินด้วยบัตรเดบิตได้ มันจะขึ้นข้อความว่า verification failed, not secure in this environment แต่มันสามารถใช้ผ่านบัตรเครดิตได้เมื่อเราเปลี่ยนบัตรชำระเงิน ควรมีเงินสดติดตัวไว้จำนวนหนึ่ง เพราะบางครั้งพบว่า AliPay ปฏิเสธการทำงานเอาดื้อๆ แม้จะให้เจ้าหน้าที่จีนกดให้ ซึ่งเขาก็หมดปัญญา บอกให้ใช้เงินสด พบปัญหาแบบนี้ครั้งเดียว เป็นกับโทรศัพท์ของผมและคนที่ไปด้วยกัน
วิธีการใช้งาน AliPay เมื่อลงทะเบียนบัญชีเรียบร้อยแล้ว เราก็สามารถใช้งานได้ในการซื้อสินค้า จ่ายค่าพาหนะ ซื้อบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆซึ่งมีอยู่ในแอพลิเคชั่นของ AliPay อย่างครบถ้วน การซื้อสินค้าจากร้านค้าต่างๆผ่านแอพลิเคชั่น สามารถใช้โทรศัพท์ scan รหัส QR ของร้าน เพื่อกดตัวเลขจำนวนเงินที่ต้องชำระ และกดยืนยัน หากเราไม่ได้ใช้ใบหน้าเป็นการยืนยันตัวตน เราก็ใช้การกดรหัสชำระเงินแทน รหัสชำระเงินคือตัวเลข 6 หลัก ส่วนรหัสการเข้าบัญชีส่วนตัว/การแก้ไขบัญชี เป็นตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวพิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญญลักษณ์ รหัสสองชนิดนี้ใช้ต่างกรรมต่างวาระกัน ต้องรู้ว่าเรากำลังใช้งานอะไร
![]() |
หน้าหลักของแอพฯอาลีเปย์ ชื่อเมืองจะอยู่มุมบนซ้าย สามารถเข้าไปเปลี่ยนสถานที่ได้ |
![]() |
เมนู Pay/Receive สร้างรหัสภาพบัญชีของเราสำหรับชำระเงิน สามารถแตะเปลี่ยนบัญชีชำระเงินได้ที่ใต้รหัสภาพ |
สำหรับเมนู transport นี้ พึงระลึกว่า ทุกครั้งที่เราเปลี่ยนเมือง เราต้อง activate โปรแกรมของเราใหม่ทุกครั้ง โดยทำทั้งรถเมล์ และรถใต้ดิน ประการแรก ต้องไปเปลี่ยนสถานที่เสียก่อน ชื่อสถานที่จะอยู่ที่มุมด้านบนซ้าย จะไม่มีการเปลี่ยนอัตโนมัติตาม GPS และเมื่อเราเข้าไปที่เมนูย่อย จะมีรูปการ์ดขึ้นมา มักเป็นภาษาจีน และมีแถบเล็กๆถามว่าจะให้แปลภาษาหรือไม่ (แต่บางครั้งแถบเล็กก็ไม่ขึ้นมา ก็ต้องเดากันไป) เราต้องเห็นด้วย Agree กับกฏระเบียบทุกอย่างถึงจะได้รหัส QR ส่วนตัวมาขึ้นรถเมล์ หรือเพื่อขึ้นรถใต้ดิน หากเลือกไม่ถูกเป็นภาษาจีนล้วนๆ วิ่งหาเจ้าหน้าที่ตรงเคาน์เตอร์คนใดคนหนึ่ง เขาจะรู้ว่าเราเป็นต่างชาติและช่วยกดให้ แต่จะมั่วดูก่อนก็ไม่ผิดกติกาอะไรเพราะบางทีเรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้นได้
![]() |
บัตรโดยสารจะปรากฏขึ้นมาบนจอ ให้เราเลือก activate ให้บัตรใช้งานได้ก่อน กด Activate |
![]() |
เมื่อเราแตะยินยอมกฏระเบียบแล้ว ป้าย Agree and obtain card จึงจะทำงาน ให้เราตอบตกลง |
![]() |
การสร้างรหัสภาพของรถใต้ดินก็เหมือนรถเมล์ |
การใช้ AliPay เพื่อซื้อบัตรผ่านประตูเข้าชมสถานที่ต่างๆ อีกปัญหาที่มักพบคือเมื่อไปถึงหน้าอุทยานแห่งชาติ
หน้าแหล่งท่องเที่ยว เรามักพบแต่รหัส QR แผ่นใหญ่ พร้อมคำสั่งภาษาจีน บางแห่งมีมากกว่าหนึ่งแผ่น
แถมรหัสก็หน้าตาไม่เหมือนกัน
ผู้คนจะมุงกันสแกนและซื้อตั๋วอุตลุด
ถ้าจะซื้อตั๋วก็ต้องเข้าไปที่เมนู scan มันจะปรากฏรูปการ์ดเหมือนกับการ activate
การ์ดรถเมล์ รถใต้ดิน แล้วก็กดตามคำสั่ง (ถ้ามีตัวช่วยแปลภาษา) เวลานั้นไม่สามารถพึ่งใครเพราะต่างๆรีบเร่งกันทุกคน ถ้าไม่สามารถทำได้
ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่อยู่ตรงทางเข้าหรือโต๊ะจำหน่ายบัตร การติดต่อเจ้าหน้าที่มักมีข้อดีกว่าทำเอง
คือเขารู้ว่าเราเป็นคนต่างชาติ
ประการที่สอง AliPay ของเราผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ไทย บางทีก็ทำเองสำเร็จ บางทีก็ไม่ได้ ประการที่สาม เมื่อเขาดูพาสปอร์ตของเรา
เขาจะรู้ว่าเราถึงวัยที่จะได้ซื้อตั๋วครึ่งราคา
บางที่ก็ให้เข้าฟรีเลยก็มี ประหยัดไปถึง 100หยวนก็มี อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า มี รหัส QR หลายแผ่นให้สแกน นั่นหมายความว่าสแกนตามคุณสมบัติผู้เข้าชม
นักเรียน/นักศึกษา คนทั่วไป คนสูงวัย ฯลฯ
ปัญหาบางทีไม่ได้มีไว้ให้เราปวดหัวแก้เอง
แต่พาโอกาสดีๆมาให้เสมอ แต่ถ้าอยากลองเองก็ใช้เมนู Scan จะได้การ์ดขึ้นมา ให้เรา Activate ด้วยการกด Agree เมื่อชำระเงินแล้วจะได้ตั๋วรหัส QR เอาไปสแกนผ่านไม้กั้น
วันขึ้นรถไฟ ให้ไปถึงก่อนเวลาขบวนรถออกไม่น้อยกว่า 40
นาที
เพราะมีขั้นตอนที่ต้องผ่านเข้าไปหลายขั้นตอน
และจำนวนผู้โดยสารรอคิวเป็นจำนวนมาก ขนาดสถานีรถไฟเล็กๆของจีนประมาณ
20 เท่าของสถานีหัวลำโพง มีประตูออก 12
ประตูขึ้นไป โดยแยกเป็นฝั่ง A และ B หนึ่งประตูพาไปลงชานชลาได้ 2 ชานชลา ดังนั้น 12 ประตูจึงพาไปสู่ชานลาที่มีรถไฟเข้ามาเทียบได้มากถึง
48 ขบวน มีคนรอขึ้นรถไฟหลายพันคน ทางเข้าสถานีเพื่อไปขึ้นรถไฟ departure จะอยู่ที่ชั้น 2 ประตูต่างๆ gate
อยู่ชั้น 3 ของอาคาร ชานชลา
platform อยู่ชั้น 2 และทางออกของผู้โดยสารขาเข้า arrival
จะอยู่ชั้น 1 เขาออกแบบไว้อย่างนั้น เคาน์เตอร์ขายตั๋ว ticket อยู่ชั้น 2 แต่คนละส่วนกับทางเข้าสถานีไปขึ้นรถไฟ
สำหรับการชำระเงิน เมื่อชำระเงินผ่านเรียบร้อย จะมีคำพูดที่เป็นเสียงดังจากลำโพงของผู้รับให้ได้ยินชัดเจน (แต่ฟังไม่ออกว่าตกลงผ่านหรือไม่ผ่าน) ในขณะเดียวกันจะมีข้อความแจ้งเตือนในมือถือขึ้นมาว่าเราได้ทำรายการชำระเงินนั้นแล้วสำหรับยืนยันหากมีปัญหา ซึ่งขึ้นมาจากทั้งแอพฯ AliPay และแอพฯของธนาคารไทย สำหรับรหัสบัญชีที่ใช้โอนเงินออกจากกระเป๋าของเราใน Pay/Receive เป็นรหัสที่ปกปิด ไม่เปิดเผยโดยไม่จำเป็น เราใช้กับเครื่องอ่านที่เชื่อมต่อกับรายการเก็บเงินเครื่องโต๊ะแคชเชียร์เท่านั้น แม้ว่าจะมีโอกาสใช้ AliPay และ WeChat ได้ไม่เต็มรูปแบบของแอพลิเคชั่น ก็พบว่ามีความสดวกสบาย ใช้งานได้ไม่ยาก คนจีนมักให้ความช่วยเหลืออย่างดีเสมอเมื่อเราพบปัญหา แม้การสื่อสารจะเป็นอุปสรรคบ้าง แต่ความเอื้อเฟื้อมีไม่ขาด ยิ่งทราบว่าเราเป็นคนไทยแทบจะรู้กันทั้งบาง และเขาฝากดูแลกันเป็นต่อๆเวลาที่เรานั่งรถประจำทางไปต่างเมืองที่ต้องต่อรถระหว่างทาง มีครั้งหนึ่งที่เด็กสาวนักศึกษามหาวิทยาลัยแนะนำให้ขึ้นรถชัทเทิ่ล กลายเป็นรถที่ไม่มีการจอดป้ายระหว่างทางที่เราต้องการจะลง เธอรู้สึกผิดถึงขนาดรีบลงมาขอโทษที่สถานีปลายทาง และจ่ายค่ารถเรียก grab ให้ไปส่งเราที่จุดหมาย ซึ่งเราก็ได้แต่รับไมตรีไว้และคืนเธอเป็นเงินสดพร้อมกับธนบัตรไทยเป็นที่ระลึก ภาษาไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป เพราะทั้งไทยและจีน ต่างเจรจาโต้ตอบกันผ่านแอพฯแปลภาษาของแต่ละฝ่ายได้ง่ายดาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น